โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จังหวัดอุบลราชธานี

ประวัติโรงพยาบาล

โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์

          เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช สังกัดกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เป็นโรงพยาบาลขนาด 360 เตียง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2489 เดิมชื่อว่า “โรงพยาบาลโรคจิตต์ภาคอีสาน” และเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์” เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2493 ปัจจุบันมีพื้นที่ 390 ไร่ 2 งาน 64 ตารางวา โดยแบ่งเป็น โซนอาคารผู้ป่วย เนื้อที่ 144 ไร่ โซนที่พักอาศัย 54 ไร่ และพื้นที่ฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพผู้ป่วย 190 ไร่ ดูแลประชาชนในเขตสุขภาพที่ 10 ซึ่งมีพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และมุกดาหาร ภายใต้ชื่อเขตสุขภาพ “มุกศรีโสธรเจริญราชธานี”

“โรงพยาบาลโรคจิตต์ภาคอิสาณ” จังหวัดอุบลราชธานี

          รัฐบาลในสมัย ฯพฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้มีเจตจำนงอันแรงกล้าที่จะพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสาธารณสุข และการส่งเสริมพลานามัยที่ดีแก่ประชาชน โดยในปลายปี พ.ศ.2487 สงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลง ได้ริเริ่มให้มีการดุแลทางด้านสุขภาพจิตมากขึ้น และได้แต่งตั้งให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าโรงพยาบาลโรคจิตต์ธนบุรี (เป็นตำแหน่งที่เรียกในสมัยนั้น คือผู้อำนวยการโรงพยาบาลในปัจจุบัน) มาดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองโรงพยาบาลโรคจิตต์อีกตำแหน่งหนึ่ง เพื่อให้การดูแลทางด้านสุขภาพจิตได้ครอบคลุม และได้พิจารณาเห็นว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่กว้างใหญ่และมีประชากรถึง 1 ใน 3 ของประเทศ สมควรที่จะมีโรงพยาบาลโรคจิตต์ประจำภาคจึงได้สำรวจพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด และในที่สุดก็ได้เลือกพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีที่มีบริเวณที่ดินทุ่งโล่งกว้างและรายล้อมด้วยป่าเบญจพรรณซึ่งเดิมเป็นโรงงานเนื้อและนมของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังจะหยุดกิจการ

          ศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว ได้ติดต่อกับนายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการประทรวงอุตสาหกรรมและเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์จังหวัดอุบลราชธานีในสมัยนั้นเพื่อขอโอนที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของกองโรงพยาบาลโรคจิตต์ กรมการแพทย์ ในปี พ.ศ.2488 ดังนั้นจึงได้ดำเนินการโอนที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่เดิมเป็นที่ดินจำนวน 20 ไร่ ขนานไปตามถนนสายอุบลราชธานี-ยโสธร (ถนนแจ้งสนิทในปัจจุบัน) หลังจากได้รับโอนเรียบร้อยแล้วก็ลงมือซ่อมและดัดแปลงอาคารที่มีอยู่เดิมให้เป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่ โรงเลี้ยงอาหารคนไข้ โรงครัว โรงพัสดุ โรงเรือนอำนวยการ และอาคารผู้ป่วยนอกเรือนไม้ปั้นหยา

ศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว

  • ศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว 

          ต่อมาปี พ.ศ.2489 พันโทนายแพทย์นิตย์ เวชวิศิษฐ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์ และศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว ได้พิจารณาเห็นว่ามีที่ดินว่างเปล่าที่มีความลึกขนานกับรั้ว ศอ.ศอ (ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปัจจุบัน) เนื้อที่กว้างประมาณ 30 ไร่ จึงได้ปรึกษากับ นายเชื้อ พิทักษากร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และที่ดินจังหวัด เพื่อขอซื้อที่ดินผืนนี้จากเอกชน และได้รับความสำเร็จด้วยดี ในปีเดียวกัน ศาสตราจารย์นายแพทย์อรุณ ภาคสุวรรณ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าโรงพยาบาล ซึ่งถือว่าเป็นผู้อำนวยการคนแรกของโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ (พ.ศ.2489-2490) ในสมัยนี้ได้มีการพัฒนาอาคาร สถานที่ พัสดุ ครุภัณฑ์ เวชภัณฑ์ยา รวมทั้งบริหารงานด้านต่างๆ จนมีความพร้อมที่จะให้บริการ

ศาสตราจารย์นายแพทย์อรุณ ภาคสุวรรณ

  • ศาสตราจารย์นายแพทย์อรุณ ภาคสุวรรณ

          เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2490 โรงพยาบาลได้ทำการเปิดอย่างเป็นทางการ และตั้งชื่อว่า “โรงพยาบาลโรคจิตต์ภาคอิสาณ” จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี ศาสตราจารย์นายแพทย์อรุณ ภาคสุวรรณ เป็นหัวหน้าโรงพยาบาล ได้รับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ณ อาคารไม้เรือนชายชุดแรกจากเรือนจำกลางอุบลราชธานี จำนวน 8 คน ต่อมารับผู้ป่วยที่ส่งมาจากโรงพยาบาลโรคจิตต์ธนบุรี ทั้งหญิง ชาย อีกจำนวนหนึ่งหลังจากได้บุกเบิกพัฒนาปรับพื้นที่ ควบคู่กับการให้บริการตรวจรักษาประชาชนทั่วไปที่เจ็บป่วยทางโรคประสาท โรคจิตผู้รับบริการเพิ่มมากขึ้น จึงได้ขยายพื้นที่โรงพยาบาลด้วยการจับจองปักหลักเขตที่ดินข้างเคียง และขอซื้อที่ดินจากเอกชนเพิ่มเติม จนกระทั่งได้เนื้อที่ทั้งหมด 426 ไร่ 2 งาน 26 ตารางวา มีอาณาเขตดังนี้

 

ทิศเหนือ ติดกับค่ายกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ทิศใต้ ติดกับถนนแจ้งสนิท และที่ดินเอกชน

ทิศจะวันออก ติดกับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเอกชน และหนองบัว

 

 

กว่าจะมาเป็นพระศรีมหาโพธิ์

  • ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสพ รัตนากร

          ในปี พ.ศ.2490 ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสพ รัตนากร ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าโรงพยาบาลโรคจิตต์ภาคอิสาณเป็นคนที่ 2 (พ.ศ.2490-2491) ได้มีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับพื้นที่และพัฒนาสิ่งแวดล้อม ได้สร้างศาลายื่นลงไปในน้ำหนองบัว ชื่อว่า “ศาลาประสบสุข” เพื่อเป็นที่พักผ่อน ทั้งทางกายภาพและทางจิตใจของประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ (ภายหลังได้รื้อถอนเนื่องจากหนองน้ำสาธารณะไม่อนุญาตให้มีสิ่งปลูกสร้างยื่นลงไปในน้ำ) ส่วนด้านหลังไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะมีที่พักผ่อนหย่อนใจของคนทั่วไป คือ หนองน้ำใหญ่ ที่มีสัตว์น้ำและพืชที่สวยงามอาศัยอยู่ตามฤดูกาล เช่น นกกินปลา นกเป็ดน้ำ และดอกบัวงาม ต่อมาได้รับงบประมาณก่อสร้างเรือนคนไข้สงบหญิง 2 หลัง เป็นเงินจำนวน 200,000 บาทเป็นเรือนไม้ทรงมะลิลา

  • นายแพทย์สุรินทร์ พรหมพิทักษ์

          ปี พ.ศ.2491 นายแพทย์สุรินทร์ พรหมพิทักษ์ ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลโรคจิตต์ภาคอิสาณ เป็นคนที่ 3 (พ.ศ.2491-2509) การพัฒนาโรงพยาบาลยังคงเดินหน้าต่อไป มีการปรับพื้นที่วางแผนผังโรงพยาบาลให้เป็นบริเวณที่ร่มรื่น มีสีเขียวของไม้ดอกยืนต้น เช่น ตะแบก ทองกวาว คูณ ฯลฯ มีการขุดบ่อน้ำบาดาล เพื่อให้ได้น้ำใช้ในโรงพยาบาล และในปีเดียวกันโรงพยาบาลได้รับเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อเป็นค่าก่อสร้างบ้านพักเจ้าหน้าที่

          ในปี พ.ศ.2493 มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับโรงพยาบาล คือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสุปัฏนารามวรวิหาร ท่านมีความสามารถสูง มีความถนัดพิเศษด้านการศึกษา การปกครอง เป็นครูนักเทศน์ นักประพันธ์ เจ้าของคติธรรม คำขวัญเตือนใจอันลึกซึ้ง ทั้งทางธรรมและทางโลก เป็นที่ประจักษ์แก่สาธุชนทั่วไป ได้พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ เป็นสมเด็จพระราชาคณะ และได้รับพระราชทานตำแหน่งสุดท้ายเป็นสังฆนายกองค์แรกของคณะสงฆ์ไทย ทำให้คณะศิษยานุศิษย์ ข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี รวมใจกันถวายเงินปัจจัย เนื่องในงานบำเพ็ญกุศลในวันคล้ายวันเกิดของท่าน คือ วันที่ 21 มีนาคม เพื่อเป็นอนุสรณ์ถวายแด่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนเป็นอเนกประการ ซึ่งประกอบกับในขณะนั้นโรงพยาบาลโรคจิตต์ภาคอิสาณยังไม่มีตึกผู้ป่วยนอกที่มั่นคงถาวร จึงได้นำเงินส่วนนั้นมาสร้างอาคารผู้ป่วยนอก และได้มีการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ตึกสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ในวันที่ 21 มีนาคม 2493 และได้เอาวันนี้เป็นวันเกิดโรงพยาบาลตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบัน

          ต่อมาในปลายปี พ.ศ.2500 รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติเงินงบประมาณให้ก่อสร้างตึกผู้ป่วยนอก จำนวน 300,000 บาท รวมกับเงินที่มีอยู่ 411,713.60 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 711,713.60 บาท และในที่สุดได้ก่อสร้างตึกผู้ป่วยนอก ชื่อว่า “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ยาว 24 เมตร กว้าง 9 เมตร มีห้องประชุมด้านหลัง ยาว 15 เมตร กว้าง 8 เมตร แบ่งเป็นห้องต่างๆ รวมทั้งหมด 30 ห้อง ได้ทำการก่อสร้างแล้วเสร็จในวงเงิน 624,500 บาท

          ปี พ.ศ.2497 ศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว มีแนวความคิดในการปรับเปลี่ยนทัศนคติของประชาชนที่มีต่อโรงพยาบาลโรคจิตต์ ด้วยการตั้งชื่อโรงพยาบาลให้มีความหมายที่เป็นมงคล เพื่อเป็นศูนย์รวมของความสงบแห่งจิตใจของผู้มารับบริการรักษา โดยเปลี่ยนชื่อโรงพยาบาลโรคจิตต์ภาคอิสาณเป็น “โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์” ตั้งแต่นั้นมา

          ปี พ.ศ.2501 เหตุการณ์ที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ตลอดจนเหล่าพสกนิกรภาคภูมิใจปลื้มปีติเป็นล้นพ้นและอยู่ในความทรงจำตลอดมา คือ เมื่อคืนวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรภาพยนตร์ เรื่อง “ลมรัก” ที่โรงภาพยนตร์ควีนส์ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสโดยเสด็จพระราชกุศลถวายเงินรายได้สมทบซื้ออุปกรณ์การแพทย์สำหรับตึกสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ โดยได้เงินทั้งสิ้น 30,423.40 บาท นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้

     

 

ปรับปรุงพัฒนาสิ่งแวดล้อม ร่มรื่น สวยงาม

          ในปี พ.ศ.2509 แพทย์หญิงปรีดา นรการบริรักษ์ ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ (ผู้อำนวยการคนที่ 4) ถึงปี พ.ศ.2529 ได้มีการพัฒนาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะความสวยงามต้นไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ ชื่อของหอผู้ป่วยจะเป็นชื่อต้นไม้ที่สวยงาม ทางด้านการบริการสุขภาพจิตก็ได้มีโครงการผสมผสานสุขภาพจิตเข้ากับระบบการให้บริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี นับเป็นการพัฒนางานจิตเวชและสุขภาพจิตเข้าสู่ระบบบริการสาธารณสุขและชุมชนครั้งที่สำคัญมากครั้งหนึ่ง

  • แพทย์หญิงปรีดา นรการบริรักษ์

  

 

พลิกโฉมสู่ยุค Re-engineering และบริการด้วยรอยยิ้ม

  • นายแพทย์สุพล รุจิพิพัฒน์

          ในปี พ.ศ.2529 นายแพทย์สุพล รุจิพิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ คนที่ 5 (พ.ศ.2529-2534) นับว่ายุคทองของโรงพยาบาล เพราะมีการพัฒนาทั้งด้านโครงสร้าง ด้านบริหาร บริการและวิชาการอย่างมาก ดังนี้

          1. ด้านโครงสร้างของโรงพยาบาล มีการปรับปรุงถนนหนทางจากถนนลูกรังเป็นถนนคอนกรีตรอบโรงพยาบาล มีการปรับปรุงอาคารสถานที่ มีการก่อสร้างอาคารโภชนาการ อาคารพัสดุ ห้องอาหาร และหอประชุมที่ทันสมัย รวมทั้งได้มีการก่อสร้างเรือนพักรับรองริมหนองบัว ตามแบบศิลปะไทยอีสาน  เพื่ออนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านไว้ อีกทั้งได้ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นแห่งแรกในจังหวัดอุบลราชธานี

          2. ด้านการบริหารโรงพยาบาล ท่านได้พัฒนารูปแบบการบริหารสู่ยุค Re-engineering ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลจนได้โครงสร้างและระบบบริหารเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

          3. ด้านบริการ ได้ริเริ่มโครงการบริการด้วยรอยยิ้ม จนเป็นที่ประทับใจของผู้รับบริการ และเป็นที่ศึกษาดูงานของหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

          4. ด้านวิชาการ ท่านเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดในการพัฒนาวิชาการสุขภาพจิตเชิงรุกทั้งในและนอกโรงพยาบาล เช่น การค้นคว้าวิจัย เทคโนโลยีสุขภาพจิต เป็นต้น ทั้งด้านการป้องกันส่งเสริม ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาการสุขภาพจิตเชิงรุกทั้งในและนอกโรงพยาบาล

          5. ด้านการบริการสุขภาพจิตชุมชน ท่านได้สานต่อการบริการสุขภาพจิตในชุมชนอย่างต่อเนื่อง จนเป็นฐานที่มั่นคงด้านสุขภาพจิตและจิตเวชชุมชนให้กับชาวพระศรีมหาโพธิ์ในสมัยต่อมา

  • นายแพทย์ธนู ชาติธนานนท์

 

          ในปี พ.ศ.2534 นายแพทย์ธนู ชาติธนานนท์ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล คนที่ 6 (พ.ศ.2534-2535) ท่านได้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่โรงพยาบาลทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาบุคลากรทุกวิชาชีพ ให้มีศักยภาพในการปฏิบัติงานและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งด้านขวัญกำลังใจ ตลอดจนการพัฒนาด้านวิชาการ ด้านสุขภาพจิต เพื่อเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีแก่บุคลากรและประชาชนที่มารับบริการ

     

 

 

การพัฒนาต่อเนื่อง

  • นายแพทย์พันธ์ศักดิ์ วราอัศวปติ

          ปี พ.ศ.2536 นายแพทย์พันธ์ศักดิ์ วราอัศวปติ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ คนที่ 7 (พ.ศ.2536-2541) ท่านได้พัฒนาโรงพยาบาลไปสู่ความก้าวหน้า ทันสมัย และนำเทคโนโลยีสุขภาพจิตและจิตเวชที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก อีกทั้งได้สนองนโยบายของกรมสุขภาพจิตในการให้บริการดุจญาติมิตร จนเป็นที่ประทับใจแก่ประชาชนทั่วไป ทั้งในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ทางด้านบุคลากรมีการพัฒนาศักยภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และเป็นสมัยที่บุคลากรได้รับการดูแลด้านขวัญกำลังใจเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านได้ผลักดันให้ข้าราชการได้รับการเลื่อนระดับให้สูงขึ้นได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

 

 

  • นายแพทย์บุญชัย นวมงคลวัฒนา

          ปี พ.ศ.2541 นายแพทย์บุญชัย นวมงคลวัฒนา มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ คนที่ 8 (พ.ศ.2541-2548) เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญอีกช่วงหนึ่งของโรงพยาบาล เพราะเป็นช่วงที่มีการพัฒนาโรงพยาบาล ดังนี้

          1. การพัฒนาระบบบริการด้วย ISO 9002 ทำให้โรงพยาบาลในระบบบริการผู้ป่วยนอกได้รับการรับรองคุณภาพ ตาม ISO 9002 ปี 2543

          2. การพัฒนาสิ่งแวดล้อม อุปกรณ์ เครื่องมือและสาธารณูปโภค ได้มีการพัฒนา 5 ส. อย่างต่อเนื่อง เป็นการพัฒนาเครื่องมือและสาธารณูปโภคที่สะดวกและทันสมัย ทำให้การบริการมีคุณภาพ

          3. การพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล ได้มีการพัฒนาหน่วยงานจนได้รับรางวัลหน่วยงานพัฒนาสุขภาพจิตดีเด่น และมีการพัฒนาคุณภาพบริการของโรงพยาบาลตามมาตรฐานของ HA (Hospital Accreditation) โดยสนับสนุนให้ทุกฝ่าย ศูนย์ กลุ่มงานต่างๆ จัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพในหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง (CQI) จนกระทั่งโรงพยาบาลได้รับรองการพัฒนาคุณภาพผ่านบันไดขั้นที่ 2 สู่ HA จากสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ในปี 2548

          4. การพัฒนาการดำเนินงานจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชน มีการสร้างระบบเครือข่ายงานสุขภาพจิต และจัดตั้งหอผู้ป่วยจังหวัดในโรงพยาบาลตามจำนวนจังหวัดที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบงานสุขภาพจิต                     (สาธารณสุขเขต 7) ในขณะนั้น และได้ประสานให้มีการกำหนดผู้รับผิดชอบงานสุขภาพจิตในทุกระดับของสถานบริการสาธารณสุขของเครือข่ายสุขภาพจิต ส่งผลให้การดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนเป็นไปอย่างมีระบบ ครอบคลุม และต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์มีชื่อเสียงในด้านสุขภาพจิตและจิตเวชชุมชน เป็นที่นิยมมาศึกษาดูงานของผู้สนใจ ทั้งในและต่างประเทศ

          5. มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพจิตและจิตเวช เพื่อสนับสนุนและพัฒนาความรู้ ทักษะการวิจัยของบุคลากร ทำให้บุคลากรสามารถนำผลงานทางด้านวิชาการไปนำเสนอในเวทีวิชาการทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติ จนได้รับรางวัลจากการนำเสนอผลงานมากที่สุดในกรมสุขภาพจิตในยุคนั้นก็ว่าได้

          6. การพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยจิตเวชทาง E-mail เป็นการริเริ่มครั้งแรกของประเทศไทย ณ จังหวัดอำนาจเจริญและจังหวัดยโสธร ทำให้ระบบส่งต่อผู้ป่วยจิตเวชมีความรวดเร็วขึ้น มีระบบฐานข้อมูลเดียวกัน มีการนำข้อมูลของผู้ป่วยไปใช้ในการวินิจฉัยชุมชน การเตรียมให้บริการล่วงหน้า และการติดตามเยี่ยมผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยและญาติได้รับความสะดวก รวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนได้นานขึ้นและอัตราการกลับมารักษาหลังจากส่งต่อลดลง

  

 

 

 

มีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน
ปี พ.ศ. 2548-2560

 

  • นายแพทย์ธรณินทร์ กองสุข 

 

          ในวันที่ 10 มกราคม 2548 นายแพทย์ธรณินทร์ กองสุข ได้รับแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล คนที่ 9 (พ.ศ.2548-2560) ได้มีการดำเนินงานภายใต้ค่านิยม “มองไกล ใฝ่พัฒนาพาเรียนรู้ มุ่งผู้รับบริการ ทำงานเป็นทีม” เพื่อมาปรับปรุงวิสัยทัศน์ โดยกำหนดเป็นหลายช่วงเพื่อให้เกิดการพัฒนาหน่วยงานในด้านต่างๆ ดังนี้

1. พัฒนาการบริหารจัดการภายใน

2. พัฒนาระบบการพัฒนาทรัพยากรบุคคล

3. พัฒนาระบบบริการคุณภาพของโรงพยาบาล

4. พัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวช

5. พัฒนาความรู้และวิชาการสุขภาพจิต

          ผลงานเด่นที่สำคัญ

1. มีการนำหลักการของ Evidence-based Mental Health มาใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบสารสนเทศสุขภาพจิต การพัฒนาเทคโนโลยีในการเฝ้าระวังโรคซึมเศร้า การผสมผสานองค์ความรู้ที่เป็นสากลกับวัฒนธรรมท้องถิ่น จนเป็นนวัตกรรมทางสุขภาพจิตที่ตรงกับบริบทของผู้ใช้ คือ แบบคัดกรองโรคซึมเศร้าด้วย 2 คำถาม ภาษาอีสาน และแบบประเมินโรคซึมเศร้าด้วย 9 คำถาม ภาษาอีสาน

2. พัฒนารูปแบบการวิจัยแบบบูรณาการที่เป็นความร่วมมือในรูปของภาคีจากหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมดำเนินการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตหาดใหญ่) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น

 3. ปรับปรุงระบบบริการโรคจิตเวชยุ่งยาก ซับซ้อน รุนแรง ให้ได้มาตรฐาน

4. พัฒนาระบบการวิจัยโรคซึมเศร้าให้เป็นเลิศ และอ้างอิงในระดับประเทศ

5. พัฒนาระบบการฝึกอบรมด้านโรคซึมเศร้าและสุขภาพจิตให้เป็นเลิศระดับประเทศ

6. พัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคซึมเศร้าระดับจังหวัด จนกระทั่ง “ได้รับรางวัลบริการภาครัฐแห่งชาติและรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ” จากคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการพลเรือน

       

 

 

 

 

เทคโนโลยีก้าวล้ำ วัฒธรรมเป็นหนึ่ง
ปี พ.ศ. 2560-2567

  • นายแพทย์ประภาส อุครานันท์

          ในวันที่ 17 มีนาคม 2560 นายแพทย์ประภาส อุครานันท์ ได้มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ คนที่ 10 ท่านมีจุดเด่น และผลงานสำคัญดังนี้

1 ผู้นำการเปลี่ยนแปลงองค์กร ที่มีความกล้าหาญ และผลงานการพัฒนาที่โดดเด่น เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยจิตเวช เช่น โรงพยาบาลจิตเวชแห่งแรกของประเทศไทยที่วางแผนการอุปัฏฐากพระภิกษุอาพาธ ให้ถูกต้องตามหลักพระธรรมมาวินัย เนื่องในวโรกาสปีมหามงคล 72 พรรษา การรักษาศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพวะ ให้คงอยู่ รวมถึงการให้บริการศูนย์ร่มโพธิ์ใจ (Psychiatric Intervention Center) เป็นต้น

2 มีแนวคิดทันยุคทันสมัย เช่น การใช้เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนให้บุคลากร พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงพยาบาลในภูมิภาคแห่งแรก ที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 27001 : 2022 มีการนำแนวคิดการพัฒนาองค์กรแบบ Trust มาใช้ รวมถึงการทำโครงการตำรวจจิตแกร่ง (Super Police) เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านจิตใจของตำรวจ และดูแลสุขภาพจิตของประชาชนและสังคมด้วย เป็นต้น

3 เป็นผู้ดำรงตนตามหลักธรรมาภิบาล คือ

- หลักนิติธรรม : บริหารงานโดยยึดหลักกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงบังคับใช้โดยไม่เลือกปฏิบัติ คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล ให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ให้ความเป็นธรรม ทำให้บุคลากรสร้างสรรค์ผลงาน ตามความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ มีขวัญกำลังใจ จากการประเมินผลที่สอดคล้องกับผลของงาน

- หลักคุณธรรม : ยึดมั่นความถูกต้องดีงาม รักษาและส่งเสริม กิจกรรมทำบุญตักบาตรประจำเดือน การหล่อรูปเหมือนพระเถระผู้อุปถัมภ์ การปิดทองพระพุทธรูปประจำโรงพยาบาล ยกย่องบุคลากรผู้มีความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน เช่น ผู้ที่ทำงานมาจนครบอายุเกษียณราชการ หรือบุคลากรใหม่ เป็นต้น

- หลักความโปร่งใส : ยึดหลักสุจริต ไม่คดโกง ทำให้องค์กรสามารถพัฒนาได้อย่างเต็มบาทเต็มสตางค์ บุคลากรมีความรัก ความสามัคคี ชีวิตครอบครัวมีความผาสุก

- หลักการมีส่วนร่วม : มีการวางระบบงานผ่านรองผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่าย/ กลุ่มงาน เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และพัฒนาองค์กร ทำให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนา ก่อให้เกิดความผูกพัน และความยั่งยืนต่อไป

- หลักสำนึกรับผิดชอบ : มีการพัฒนาแนวคิด Trust เริ่มจาก Self-trust ไปจนถึง Society-trust ด้วยสำนึกรู้ในหน้าที่ขององค์กร โดยเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และมีความกล้าหาญที่จะรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป

- หลักความคุ้มค่า : มีการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีจำกัด ทำให้สามารถจัดหาโปรแกรม Hosp-XP ด้วยเงินบำรุง (มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท) สามารถเพิ่มค่าตอบแทนต่างๆให้บุคลากร เช่นเดียวกับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีการปรับสิ่งแวดล้อม อาคารสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ได้อย่างเหมาะสมกับบริบท รวมถึงรักษาธรรมชาติ (Green Environment) และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของประเทศไทยด้วย

          นอกจากนี้ มีการพัฒนารูปแบบสื่อความรู้สุขภาพจิต แนะนำระบบบริการและกิจกรรมสำคัญของโรงพยาบาล เผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ Line Facebook Youtube  Tiktok Twitter (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น X)

          มีการปรับปรุงศาสนสถานสำคัญในโรงพยาบาล ส่งเสริมและสนับสนุน กิจกรรมการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของไทย เนื่องในเทศกาลวันสำคัญต่างๆ การตักบาตรประจำเดือน สร้างวัฒนธรรมองค์กร

ปี 2560 จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาวะหนองบัว สำหรับฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยจิตเวชที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ให้มีโอกาสได้ฟื้นฟูด้านอาชีพ เมื่อจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลจะได้นำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้   

ปี 2561 ได้เปิดอาคาร “พรหมวชิรญาณ” เนื่องในวันสถาปนาโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ครบรอบ 71 ปี สำหรับบำบัดรักษาผู้ป่วยในจิตเวชและยาเสพติด โดยได้รับงบประมาณจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข 60,500,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยแก่ผู้ป่วยและญาติ อีกทั้งเป็นสิริมงคลแก่บุคลากรและโรงพยาบาล รวมไปถึงเป็นเกียรติงดงามแก่แผ่นดิน โดยได้ขออนุญาตนามพระเดชพระคุณ พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ฝ่ายศาสนศึกษา) มาเป็นชื่อของอาคาร ซึ่งได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2561 

ปี 2562 ได้จัดพิธีเททองหล่อรูปเหมือน สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) มีพิธีสมโภช เจิมเนตร และอัญเชิญประดิษฐาน ณ วิหาร ณ ลานศรีมหาโพธิ์ ซึ่งอยู่ด้านหน้าอาคารสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เพื่อให้บุคลากร ผู้รับบริการ และประชาชนทั่วไปได้กราบสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล

ปี 2563 ได้รับโอกาสรับผิดชอบโครงการสำคัญ ของกรมสุขภาพจิต เรื่องการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรคอารมณ์เศร้าระดับประเทศ รากฐานและการพัฒนาระบบที่ดี ทำให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤติโควิดมาได้ อย่างไม่มีผลแทรกซ้อนด้านสุขภาพจิต และได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2563 ของกรมสุขภาพจิต

 

          รางวัลเกียรติยศและความภาคภูมิใจของโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์

อาทิ

* ผ่านการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ตามมาตรฐาน Hospital Accreditation (HA)

* ผ่านการรับรองมาตรฐาน การอุปัฏฐากพระสงฆ์อาพาธที่เอื้อต่อพระธรรมวินัย ระดับดีเยี่ยม (Excellence) จาก โรงพยาบาลสงฆ์ กรมการแพทย์

* ผ่านการรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO27001:2022

* ผ่านการรับรองมาตรฐานศูนย์ราชการสะดวก GECC ระดับก้าวหน้า

* ผ่านการรับรองมาตรฐาน การประเมินการดำเนินงานพัฒนาอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพยาบาล ตามเกณฑ์ GREEN & CLEAN Hospital ระดับท้าทาย (Challenge)  ด้านมาตรฐานการจัดบริการอาชีวอนามัยและเวชกรรมสิ่งแวดล้อม

* ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพสถานพยาบาลยาเสพติด

* ผ่านการรับรองมาตรฐานงานเทคนิคการแพทย์

* ผ่านการรับรองมาตรฐานการจัดบริการอาชีวอนามัย

 

      

ดาวน์โหลดเอกสารประกอบ [   ]

: 23 พฤษภาคม 2024 : Admin 3276

  เครือข่ายโรงพยาบาลจิตเวช

  • โรงพยาบาลสวนปรุง
  • โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครรินทร์
  • โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์
  • สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา
  • สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์
  • โรงพยาบาลศรีธัญญา
  • โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์
  • โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์
  • โรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์
  • โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์
  • โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์
  • โรงพยาบาลสวนสราญรมย์
  • โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์
  • โรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลก
  • โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์
  • สถาบันราชานุกุล
  • สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์
  • สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์
  • สถาบันพัฒนาการเด็กภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • สถาบันพัฒนาการเด็กภาคใต้
  •   ติดตามเพิ่มเติมได้ที่นี่ @

    Policy

  • Website Policy
  • Privacy Policy
  • Website Security Policy
  • Best Viewed with IE 8.0, Safari 4.0, Firefox 3.5, Chrome 4.0
  •